รายชื่อมหาเทพ

ศาสนาพราหมณ์ เป็นศาสนาที่ยอมรับนับถือว่ามีเทพเจ้าเป็นใหญ่ (ศาสนาเทวนิยม) โดยมีเทพสูงสุด ๓ องค์ คือ พระพรหม พระวิษณุ และ พระศิวะและมีเทพอื่นๆอีกหลายองค์ เช่น พระอัคนี , พระวายุ, พระอินทร์ ฯลฯ

ในพระคัมภีร์ปุราณะอันเป็นคัมภีร์หลักใหญ่ใจความสำคัญของศาสนาพราหมณ์ ได้กล่าวถึงเทพที่สำคัญ ๆ (มหาเทพ)ไว้ถึง ๘ องค์ด้วยกัน คือ
๑. พระพรหม
๒. พระวิษณุ (พระนารายณ์)
๓. พระศิวะ (พระอิศวร)
๔. พระสุรัสวดี (สรัสวติ, สรสวติ) ชายาของพระพรหม
๕. พระลักษมี ชายาของพระวิษณุ
๖, พระอุมา (พระนางปาราวตี) ชายาของพระศิวะ
๗. พระคเนศ (พระพิฆเนศวร) พระโอรสของพระศิวะกับพระนางอุมา
๘. พระขันธกุมาร พระโอรสของพระศิวะกับพระนางอุมา

นี้ไง ? ความสำเร็จ

นี้ไง ? ความสำเร็จ
เสร็จแล้วคับนิทรรศการของพวกเราปี 3 คณะครุศาสตร์ คับ

1...2....3.....

1...2....3.....
มาถ่ายรูปกัน

วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2551

โจทย์ข้อ 6

ขั้นตอนในการจัดนิทรรศการ
1. ขั้นการวางแผน
..........การวางแผนเป็นขั้นตอนแรกก่อนลงมือปฏิบัติงานทุกประเภท นับเป็นขั้นสำคัญที่สุดที่ส่งผลถึงความสำเร็จหรือความล้มเหลวของแต่ละงานได้ การวางแผนที่ดีจะช่วยให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีคำถามพื้นฐานสำคัญที่ใช้ในการวางแผนทั่วๆไป 6 ประการ
..........1.1 ประเภทและกิจกรรมของนิทรรศการ (what) คณะผู้ดำเนินงานต้องระบุชื่อหรือประเภทของกิจกรรมนั้น ๆ ให้ชัดเจน เช่น การจัดนิทรรศการ การจัดจุลนิทัศน์ การรณรงค์ การจัดมหกรรม การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
..........1.2 วัตถุประสงค์ของการจัดนิทรรศการ (why) เมื่อกำหนดว่าจะทำกิจกรรมอะไร ควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายในการจัดกิจกรรมนั้นเป็นสำคัญ เช่น การจัดจุลนิทัศน์แสดงสินค้าเพื่อส่งเสริมการขาย การจัดนิทรรศการวันมาฆบูชาเพื่อการอนุรักษ์และส่งเสริมพุทธศาสนา การจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์เพื่อรักษาประเพณีอันดีงามของไทย เป็นต้น
..........1.3 สถานที่จัดนิทรรศการ(where) สถานที่หรือบริเวณอยู่ที่ไหน ห่างไกลจากชุมชนกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ การคมนาคมสะดวกมากน้อยเพียงใด โดยทั่วไปสถานที่จัดนิทรรศการที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมกลุ่มเป้าหมายมักอยู่ไม่ห่างไกลมากนัก เนื้อหาบางเรื่องหากสามารถจัดในแหล่งชุมชนหรือบริเวณที่เป็นสถานที่ตั้งขององค์ความรู้นั้นได้ก็จะช่วยส่งเสริมการรับรู้และเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
..........1.4 ระยะเวลาในการจัดนิทรรศการ (when) กิจกรรมนั้นจะจัดขึ้นเมื่อใด อาจเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ วันเปิดอาคารใหม่ วันต้อนรับอาคันตุกะที่สำคัญ หรือจัดระหว่างวันเทศกาลต่าง ๆ
..........1.5 ผู้จัดและกลุ่มเป้าหมายของนิทรรศการ (who) ใครคือผู้จัดหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบใน การจัด คณะผู้จัดมีความสามารถและศักยภาพในการจัดเพียงใด ใครคือกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรมนิทรรศการที่จัดขึ้นแต่ละครั้ง ผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการจัดนิทรรศการ มีอิทธิพลต่อการกำหนดองค์ประกอบอื่น ๆ แทบทุกด้าน
..........1.6 วิธีจัดนิทรรศการ (how) เป็นคำถามสุดท้ายที่สำคัญที่สุดซึ่งจะนำไปสู่การลงมือปฏิบัติงานให้บรรลุวัตถุประสงค์และมีประสิทธิภาพ เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบในเชิงบูรณาการทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติตั้งแต่ขั้นแรกถึงขั้นสุดท้ายของการดำเนินงาน คำตอบควรแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์สอดคล้องกันของภาพรวมหรือความคิดรวบยอดของนิทรรศการกับกระบวนการในการเชื่อมปะติดปะต่อองค์ประกอบต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ
..........เมื่อประมวลคำถามและแนวความคิดเกี่ยวกับการวางแผนดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่าในขั้นการวางแผน ควรมีการประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาในเรื่องการตั้งวัตถุประสงค์ กลุ่ม เป้าหมาย เนื้อหาและกิจกรรม ระยะเวลา สถานที่ เวลา งบประมาณ การออกแบบนิทรรศการ การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ การกำหนดหน้าที่รับผิดชอบและการประชาสัมพันธ์
.......... 1.1.1การตั้งวัตถุประสงค์ แสดงถึงความตั้งใจหรือเจตนาที่จะให้ผู้ชมได้รับประโยชน์โดยการเรียนรู้จากการชมหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมนิทรรศการแต่ละครั้ง การตั้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและเหมาะสมกับองค์ประกอบอื่น ๆ จะช่วยให้การดำเนินงานมีทิศทางที่จะมุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายได้อย่างแน่นอน ทำให้การวางแผนในการเตรียมเนื้อหา วัสดุ อุปกรณ์ บุคลากร และวิธีการนำเสนอเป็นไปอย่างสอดคล้องกับคุณสมบัติของผู้ชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย
..........1.1.2 กลุ่มเป้าหมาย ผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย เป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดเนื้อหาวัตถุประสงค์สื่อและกิจกรรมให้สอดคล้องกับธรรมชาติของความสนใจความถนัดและความสามารถในการเรียนรู้ของแต่ละคน สิ่งที่ควรพิจารณาเกี่ยวกับผู้ชมกลุ่มเป้าหมายได้แก่เรื่องต่อไปนี้
............เพศ............วัย............ระดับการศึกษา............อาชีพ............ความเชื่อ............สภาพเศรษฐกิจ......
......สถานภาพทางสังคม
..........1.1.3 เนื้อหาและกิจกรรม ดังได้กล่าวมาแล้วว่าหากมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจะเป็นแนวทางในการกำหนดเนื้อหาและกิจกรรมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้ชมได้ง่ายขึ้น
..........1.1.4 ระยะเวลา การกำหนดเวลาในการจัดนิทรรศการแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น รูปแบบของนิทรรศการ ความจำเป็นของเนื้อหา วัตถุประสงค์ งบประมาณ และความสะดวกในการดำเนินงานของคณะผู้จัดนิทรรศการ หากเป็นการจัดนิทรรศการชั่วคราวที่ดำเนินการโดยสถานศึกษา หรือหน่วยงานขนาดเล็ก โดยทั่วไปนิยมจัดในช่วงระยะเวลาประมาณ 3-5 วัน แต่ถ้าเป็นนิทรรศการเคลื่อนที่มักจะจัดภายใน 1-2 วัน ส่วนนิทรรศการถาวรซึ่งโดยมากจะจัดอยู่ในรูปของพิพิธภัณฑ์ อาจใช้เวลาในการจัดแสดงเป็นปี หรือหลาย ๆ ปี
..........1.1.5 สถานที่ สถานที่ที่ใช้ในการจัดนิทรรศการที่ควรพิจารณามี 2 ประเด็น
.............1.1.5.1 ทำเลที่ตั้ง หรือตำแหน่งที่ตั้งที่ใช้เป็นสถานที่ในการจัดนิทรรศการสถานที่ดังกล่าวไม่ควรอยู่ห่างไกลจากชุมชนกลุ่มเป้าหมายมากเกินไป เพราะระยะทางที่ห่างไกลอาจเป็นอุปสรรคในการเดินทางไปร่วมชมกิจกรรมได้
..............1.1.5.2 บริเวณขอบเขต หรือบริเวณที่ใช้ในการจัดนิทรรศการมีขอบเขตกำหนดไว้ชัดเจน การกำหนดขอบเขตกว้างขวางเพียงใดขึ้นอยู่กับประเภท ขนาด รูปแบบ เนื้อหาและกิจกรรมในการจัดนิทรรศการ หากเป็นบริเวณที่กว้างขวางมีเนื้อหาและกิจกรรมมากควรจัดให้มีพื้นที่พักผ่อนเพื่อคลายความเหนื่อยล้าและความเครียด อาจเป็นร่มไม้ร่มรื่นตามธรรมชาติ โต๊ะเก้าอี้ บริการน้ำดื่มเย็น ๆ ในกรณีที่มีเนื้อหาย่อย ๆ กระจายอยู่บริเวณต่าง ๆ กันควรจัดเนื้อหาเป็นหมวดหมู่แล้วเชื่อมด้วยทางเดินที่สวยงาม ควรมีสัญลักษณ์บอกทิศทางหรือมีผังพื้นที่ (floor plan) เป็นระยะ ๆ ไปเพื่อป้องกันการสับสนหรือหลงทาง
...........1.1.6 งบประมาณ การใช้งบประมาณในการจัดนิทรรศการเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน การใช้จ่ายงบประมาณต้องใช้ให้ตรงประเด็นมากที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้งบประมาณบานปลายในภายหลัง แต่ในทางปฏิบัติผู้บริหารโครงการมักจะจัดสรรงบประมาณสำรองไว้บ้างเพื่อใช้จ่ายในการแก้ปัญหาระหว่างการดำเนินงาน แสดงว่าการกำหนดงบประมาณควรพิจารณาทั้งโครงสร้างโดยรวมและรายละเอียดปลีกย่อย ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายทุกอย่างควรระบุให้ชัดเจนในขั้นการวางแผนและการออกแบบองค์ประกอบต่าง ๆ
...........ค่าสถานที่...........ค่าไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์สำหรับแสงสว่างทั่วไป...........ค่าใช้จ่ายด้านโสตทัศนูปกรณ์...........ค่าใช้จ่ายในการจัดหาสื่อในการจัดแสดง...........ค่าวัสดุประกอบการตกแต่งและติดตั้ง...........ค่าวัสดุที่ใช้ในการผลิตและตกแต่ง...........ค่าจัดทำเอกสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ทั้งก่อนงานและระหว่างงาน...........ค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ด้วยสื่อมวลชนต่าง ๆ...........ค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมประกอบทุกประเภท...........ค่าพาหนะขนส่งและค่าน้ำมันเชื้อเพลิง...........ค่าอาหาร น้ำดื่ม สำหรับบุคลากรและเจ้าหน้าที่ผู้จัดนิทรรศการ...........ค่าใช้จ่ายในฝ่ายพิธีการ พิธีเปิดปิด...........ค่าใช้จ่ายสำรองในกรณีฉุกเฉินที่ต้องแก้ปัญหา...........ค่าบริการทางด้านสาธารณูปโภค...........ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว จัดเป็นงบประมาณหลักที่ต้องมีและตั้งไว้ในทุกส่วน แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของนิทรรศการ จำนวนวันที่จัดแสดง วัสดุที่ใช้ในการจัด และกิจกรรมเสริมต่าง ๆ
..........1.1.7 การกำหนดหน้าที่รับผิดชอบ การกำหนดหน้าที่รับผิดชอบเป็นขั้นที่ต้องพิจารณาถึงความสามารถและศักยภาพของแต่ละบุคคลให้เหมาะสมกับลักษณะของงาน มีการมอบหมายบทบาทและหน้าที่รับผิดชอบให้ชัดเจนเพื่อการปฏิบัติงานให้ทันเวลาที่กำหนด.............ฝ่ายควบคุมนิทรรศการ.............ฝ่ายศิลปกรรม.............ฝ่ายช่าง.............ฝ่ายวิชาการ.............ฝ่ายการเงิน.............ฝ่ายสถานที่.............ฝ่ายประชาสัมพันธ์.............ฝ่ายประเมินผล.............ฝ่ายพิธีการ.............ฝ่ายประสานงาน
..........1.1.8 การประชาสัมพันธ์งานนิทรรศการ การประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น 2 ช่วงได้แก่การประชาสัมพันธ์ภายนอกหรือก่อนการจัดนิทรรศการและการประชาสัมพันธ์ภายในบริเวณนิทรรศการซึ่งกำลังจัดแสดง หลังจากที่ได้ข้อสรุปการพิจารณาวางแผนเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ควรวางแผนเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้เหมาะสมกับประเภทของนิทรรศการ วัตถุประสงค์ สถานที่ ระยะเวลา ผู้จัด กลุ่มเป้าหมายและกิจกรรมต่าง ๆ ของนิทรรศการ การประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าเปรียบเสมือนเป็นการโหมโรงเพื่อสร้างบรรยากาศและบอกกล่าวให้ประชาชนรับรู้ว่าจะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับอะไร ที่ไหน เมื่อใด มีอะไรน่าสนใจ สื่อแต่ละชนิดที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ ควรเน้นเนื้อหาสาระสำคัญที่เป็นประโยชน์และสิ่งน่าสนใจสำหรับกลุ่มเป้าหมาย ข้อมูลควรสั้นง่าย สื่อความหมายได้ดี ง่ายต่อการจดจำ มีเอกภาพ โดดเด่น สะดุดตา น่าติดตาม การใช้สื่อหลากหลายชนิดหลายช่องทางให้ถึงกลุ่มเป้าหมายและให้ซ้ำ ๆ บ่อยครั้ง

2.ขั้นปฏิบัติการผลิตสื่อและติดตั้ง
..........การปฏิบัติการ เป็นการลงมือปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการติดตามและการประเมินผลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ในขั้นนี้เป็นการนำเอาแผนไปปฏิบัติใช้จริง ประกอบด้วยการออกแบบในงานนิทรรศการ การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การลงมือติดตั้งสื่อต่าง ๆ และการควบคุมดูแลความปลอดภัย
..........2.1 การออกแบบในงานนิทรรศการ การออกแบบเป็นหัวใจสำคัญในการจัดนิทรรศการ ช่วยให้งานดูโดดเด่นกระตุ้นความสนใจ ยั่วยุให้ผู้ชมเข้าไปชมด้วยความเพลิดเพลินและมีความหมาย อย่างไรก็ตามการออกแบบสื่อหรือองค์ประกอบทุกชนิดให้ได้ผลดีจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายวิศวกร สถาปนิก ฝ่ายศิลปกรรม ฝ่ายเทคโนโลยีการศึกษา ฝ่ายช่าง ฝ่ายวิชาการ และฝ่ายบริหาร การออกแบบในงานนิทรรศการจำแนกได้ดังนี้
..............2.1.1 การออกแบบโครงสร้าง ได้แก่โครงสร้างทางกายภาพของงานนิทรรศการทั้งหมด ซึ่งได้แก่โครงสร้างของพื้นที่ที่ใช้ในการจัดแสดงและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น อาคาร ห้องจัดแสดง เวที ซุ้มประตูทางเข้างาน บู๊ธ (booth) เต็นท์หรือปะรำพิธี เป็นต้น
..............2.1.2 การออกแบบตกแต่ง เป็นการออกแบบเพื่อทำให้งานนิทรรศการมีความโดดเด่น สวยงาม ดึงดูดความสนใจ และสื่อความหมายกับผู้ชม การออกแบบตกแต่งแบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ การตกแต่งภายนอกซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์สีและพื้นผิวภายนอกของสิ่งก่อสร้างและบริเวณสถานที่จัดแสดงให้ดูเด่นแตกต่างไปจากสภาพแวดล้อมใกล้เคียง การตกแต่งภายนอกรวมถึงการจัดสวนหย่อมและสร้างทางเดิน เป็นต้น
..............2.1.3 การออกแบบสื่อ 2 มิติ เป็นสื่อประเภทงานกราฟิกที่ใช้ในการเสนอเนื้อหาเพื่อถ่ายทอดให้ผู้ชมเกิดการเรียนรู้โดยตรง เช่น แผนภูมิ แผนภาพ แผนสถิติ รูปภาพ ภาพเขียน ภาพถ่าย ภาพโปสเตอร์ ใบปลิว แผ่นพับ แผนผัง งานส่วนนี้เป็นหน้าที่โดยตรงของฝ่ายศิลปกรรมและฝ่ายวิชาการ นอกจากการออกแบบให้สะดุดตาติดใจสวยงามแล้ว ข้อมูลต้องถูกต้องสามารถสื่อความหมายได้เป็นอย่างดีด้วย
.............2.1.4 การออกแบบสื่อ 3 มิติเป็นการสร้างสรรค์สื่อที่มีทั้งความกว้างความยาวและความหนา เช่น หุ่นจำลอง ของจริง ของตัวอย่าง ตลอดจนแท่นวางสื่อซึ่งอาจมีรูปทรงสี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยม หกเหลี่ยม แปดเหลี่ยม หรือวงกลม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับเนื้อหาและสภาพโดยรวมของสิ่งแวดล้อม
.............2.1.5 การออกแบบสื่อประสมหรือสื่อมัลติมีเดีย ปัจจุบันการออกแบบและการนำเสนอผลงานทำได้สะดวกรวดเร็วโดยใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการดำเนินงาน ทำให้รูปแบบของสื่อและวิธีการนำเสนอมีความแปลกใหม่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการนำเสนอแบบสื่อประสม (multi-media) ผู้ชมสามารถรับรู้ได้ทั้งภาพและเสียงไปพร้อม ๆ กัน.
............2.1.6 การออกแบบสื่อกิจกรรม เป็นสื่อการแสดงที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมหรือบุคคลในชุมชนมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์และการนำเสนอ เช่น การเล่นเกม การตอบปัญหา การโต้วาที การอภิปราย การบรรยาย การประกวดความสามารถด้านต่าง ๆ เช่น การวาดภาพ การกล่าวสุนทรพจน์ การเรียงความ การร้องเพลง การสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การปรุงอาหาร การแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน การเล่านิทาน นอกจากนี้อาจมีการสาธิตกิจกรรมต่าง ๆ ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับเนื้อหาในการจัดนิทรรศการ
..........2.2 การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การจัดนิทรรศการแต่ละครั้งต้องใช้วัสดุอุปกรณ์เป็นจำนวนมาก เช่น อุปกรณ์หลักในการจัดสถานที่ อุปกรณ์สำหรับการติดตั้ง อุปกรณ์เกี่ยวกับแสงเสียงและไฟฟ้า วัสดุอุปกรณ์เพื่อการแสดงและตกแต่ง โสตทัศนวัสดุ ซึ่งอาจได้มาด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การยืม การจัดซื้อ การเช่า การจัดหา การจัดทำ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความสับสนและการสูญหาย จึงควรจัดเรียงรายการวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องการ แหล่งที่มาและทำตารางวัสดุอุปกรณ์บันทึกเป็นหลักฐาน โดยแยกเป็นชุด
.........2.3 การลงมือติดตั้งสื่อต่าง ๆ เป็นขั้นจัดวางสิ่งของวัสดุอุปกรณ์ให้เป็นไปตามผังที่ออกแบบไว้แล้ว การดำเนินงานในขั้นนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากฝ่ายต่าง ๆ เช่น ฝ่ายวิชาการ ช่างศิลป์ ช่างไม้ ช่างไฟฟ้า ช่างเทคนิคด้านโสตทัศนูปกรณ์ เป็นต้น การตกแต่งและติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ต้องกระทำให้เสร็จเรียบร้อยและทดลองใช้ก่อนวันเปิดงาน
........2.4 การควบคุมดูแลความปลอดภัย เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ชมได้รับอันตรายใด ๆ จากการเข้าชมนิทรรศการ โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการติดตั้งวัสดุอุปกรณ์สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ อุบัติเหตุจากการทดลองการแข่งขันและการสาธิต การจราจรภายในนิทรรศการ สิ่งเหล่านี้คณะผู้จัดนิทรรศการต้องจัดการควบคุมดูแลไว้อย่างรอบคอบ

3. ขั้นการนำเสนอ
............ในขั้นนี้เป็นการแสดงเนื้อหาข้อมูลหรือสื่อต่าง ๆ ให้ผู้ชมได้รับรู้ ทดลอง จับต้องหรือเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่วางแผนออกแบบและติดตั้งไว้ โดยทั่วไปประกอบด้วย พิธีเปิดนิทรรศการ การนำชม ดำเนินกิจกรรมและการประชาสัมพันธ์ภายใน
............3.1 พิธีเปิดนิทรรศการ เป็นกิจกรรมเริ่มแรกที่แสดงถึงความพร้อมเพรียงในการเตรียมงาน พร้อมที่จะเปิดให้ผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมายเข้าชมนิทรรศการอย่างเป็นทางการ สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมในพิธีเปิด คือ เครื่องขยายเสียงคุณภาพดี แท่นยืนสำหรับประธาน คำกล่าวรายงานของผู้รายงาน และคำกล่าวเปิดงานสำหรับประธานในพิธี หากเป็นไปได้คำกล่าวเปิดงานควรเสนอต่อประธานเพื่ออ่านก่อนถึงพิธีเปิดจะเป็นผลดียิ่ง ของที่ระลึกสำหรับประธานและแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน ส่วนวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในพิธีเปิดขึ้นอยู่กับรูปแบบของงาน
............3.2 การนำชมและดำเนินกิจกรรม หลังจากพิธีเปิดเสร็จสิ้นลง คณะผู้จัดนิทรรศการนำประธานและผู้เข้าชมเดินชมนิทรรศการตามจุดสำคัญ ๆ ของงาน แต่ละจุดมีพิธีกรบรรยายถ่ายทอดความรู้ที่จัดแสดง ตลอดจนให้คำแนะนำหรือตอบคำถามจากผู้ชม พิธีกรประจำแต่ละจุดจะทำหน้าที่ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของการจัดนิทรรศการ กิจกรรมประกอบนิทรรศการควรสอดคล้องกับเนื้อหาและกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจจำแนกเป็นกิจกรรมทางวิชาการ เช่น การประชุมสัมมนา การอภิปราย การบรรยาย การสาธิต การแสดงผลงานการวิจัย การฉายสไลด์ และกิจกรรมเพื่อการบันเทิง
............3.3 การประชาสัมพันธ์ภายใน เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ชมในการเข้าชมนิทรรศการด้วยสื่อหลายชนิด เช่น ป้ายผังรวมของงานหรือแผ่นปลิวบอกตำแหน่งที่ตั้งของแต่ละหน่วยงาน การใช้เครื่องขยายเสียงสื่อสารกับผู้ชมด้วยการแนะนำรายการต่าง ๆ ภายในงาน การให้บริการประกาศเสียงตามสาย การใช้ป้ายบอกทิศทาง แผ่นพับหรือสูจิบัตรเพื่อบอกกำหนดการกิจกรรมต่าง ๆ โปสเตอร์เพื่อโฆษณาเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรม

4. ขั้นการประเมินผล
............การประเมินผลเป็นงานสุดท้ายที่มีความสำคัญที่สุดของการปฏิบัติงานทุกชนิด เพราะสามารถสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานแต่ละครั้ง การประเมินผลการจัดนิทรรศการควรครอบคลุมทุกด้านทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คณะผู้ดำเนินงานได้เห็นถึงข้อดีข้อเสียจุดเด่นจุดด้อยที่สามารถนำไปแก้ไขปรับปรุงในการจัดงานครั้งต่อ ๆ ไป
............การประเมินผลงานนิทรรศการสามารถเก็บข้อมูลได้จากบุคคล 2 กลุ่ม
...........4.1 การประเมินภายในโดยกลุ่มผู้จัด เพื่อสะท้อนให้เห็นปัญหาอุปสรรคและแนวทางในการแก้ปัญหา การประเมินลักษณะนี้กลุ่มผู้จัดทุกคนควรมีส่วนร่วมในการประเมินแต่ละคนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการตอบแบบสอบถามอย่างตรงไปตรงมาบนพื้นฐานของการสร้างสรรค์เพื่อหาข้อดีข้อเสียในการดำเนินงานทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การวางแผน การนำเสนอและการประเมินผล
...........4.2 การประเมินโดยกลุ่มผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมาย ความสำเร็จของนิทรรศการอยู่ที่ผู้ชม ดังนั้น จึงต้องประเมินจากผู้ชมเพื่อสะท้อนให้เห็นข้อเด่นและข้อด้อยของการจัดนิทรรศการแต่ละครั้งว่าสอดคล้องหรือตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้มากน้อยเพียงใด ซึ่งประเมินได้หลายวิธี เช่น จากการสังเกต สัมภาษณ์ ตอบแบบสอบถาม การออกแบบแบบสอบถามควรให้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยดูจากวัตถุประสงค์ เนื้อหาสาระ และกิจกรรมของงาน

สรุป
.........................ขั้นตอนในการจัดนิทรรศการประกอบด้วยขั้นวางแผน ขั้นปฏิบัติการผลิตและติดตั้ง ขั้นการนำเสนอและขั้นประเมินผล
.......................ขั้นการวางแผนควรจัดประชุมเพื่อตั้งวัตถุประสงค์ กำหนดกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาและกิจกรรม ระยะเวลา สถานที งบประมาณ หน้าที่รับผิดชอบ ขั้นปฏิบัติการผลิตสื่อและติดตั้งประกอบด้วยการออกแบบในนิทรรศการ การจัดหาวัสดุอุปกรณ์
การลงมือติดตั้งสื่อต่างๆ การควบคุมดูแลความปลอดภัยในขั้นการนำเสนอประกอบด้วย พิธีเปิดนิทรรศการ การนำชมและดำเนินกิจกรม การประชาสัมพันธ์ภายใน ส่วนขั้นประเมินผลประกอบด้วย การประเมินภายในจากกลุ่มผู้จัดและการประเมินจากผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมาย
......................ทุกขั้นตอนของการจัดนิทรรศการ ควรคำนึงถึงแนวทางการจัดนิทรรศการที่ดี นอกจากนี้ยังควรป้องกันปัญหาอุปสรรคซึ่งมาจากสาเหตุหลายประการเพื่อไม่ให้การจัดนิทรรศการล้มเหลว

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

บทที่ 1


บทที่ 1
บทนำเกี่ยวกับการจัดแสดงและนิทรรศการ

ความหมายของการจัดแสดง
......คำว่า "การจัดแสดง" ในภาษไทยโดยสำนึกและความรู้สึกในสังคมไทย เมื่อกล่าวถึงการจัดแสดงจะคิดไปในเรื่องของการนันทนาการ งานรื่นเริง ดังนั้นความหมายของ "display" จึงตรงกับศัพท์ในภาษาไทยว่า "จุลนิทัศน์" แปลว่าตัวอย่างที่นำมาแสดงให้เห็นเพียงเล็กน้อย
......การจัดแสดงหรือจุลนิทัศน์ หมายถึง นิทรรศการขนาดเล็กมากที่นำเสนอข้อมูล วัตถุสิ่งของ ผลงาน สินค้า หรือผลิตภัณฑ์บางส่วนในสถานที่ที่มีการตกแต่งไว้อย่างสวยงามและเหมาะสม โดยเน้นเพื่อเร้าใจให้ผู้ชมเปลี่ยนแปลงทัศนคติหรือพฤติกรรมไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
ความหมายของนิทรรศการ
......นิทรรศการ หมายถึง การนำเอาทัศนวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน เช่น แผนภาพ แผนภูม รูปภาพ กราฟ ของจริงและตัวอย่าง มาแสดงเพื่อเป็นการสื่อสารทางความคิดและความรู้ให้กับบุคคลระดับต่างๆ ตามโครงเรื่องที่วางไว้
......นิทรรศการเป็นการรวบรวมสิ่งของและวัสดุเป็นชุดๆ เพื่อขมวดความคิดตามวัตถุประสงค์ทางการศึกษา หากเป็นกิจกรรมด้านการค้าการจัดนิทรรศการเป็นการแสดงผลงานสินค้า ผลิตภัณฑ์หรือกิจกรรมให้คนชม
......สรุป นิทรรศการหมายถึง การจัดแสดงข้อมูลเนื้อหาผลงานต่างๆ ด้วยวัสดุ สิ่งของ อุปกรณ์และกิจกรรมที่หลากหลายแต่มีความสัมพันธ์กัน มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน มีการวางแผนและออกแบบที่เร้าความสนใจให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในการดู การฟัง การสังเกตด้วยสื่อที่หลากหลาย เช่น รูปภาพ ของจริง หุ่นจำลอง ป้ายนิเทศน์ และกิจกรรมต่างๆ เช่น การประกวด การแข่งขัน การบรรยาย การสาธิต และการตอบปัญหา
ประวัติของนิทรรศการ
........1. จุดเริ่มต้นของการจัดนิทรรศการ หลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่เป็นภาพเขียนในถ้ำทางตอนใต้ของฝรั่งเศส นักโบราณคดีระบุว่าเป็นภาพเขียนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นฝีมือของมนุษย์เผ่าโครมันยอง เป็นการเขียนเพื่อถ่ายทอดความเชื่อและความรู้สึกที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ยังได้จัดแสดงโครงสร้างโดยการตั้งวางก้อนหินขนาดใหญ่ซ้อนกัน เป็นสัญญลักษณ์ทางความเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติกับมนุษย์ เรียกผลงานี้ว่า "หมู่หิน"(Stonehenge) นับเป็นตันกำเนิดหรือพื้นฐานสำคัญของการจัดแสดงและนิทรรศการ
........2. การจัดเทศกาลแสดงสินค้าในยุคโบราณ สมัยโบราณมีการจัดนิทรรศการขนาดใหญ่ในลักษณะการจัดเทศกาลแสดงสินค้า คำว่า"fair" มาจากภาษาละตินว่า"feria" หมายถึง "วันหยุดเทศกาล" เนื่องจากคนสมัยนั้นอาศัยอยู่ตามไร่นาป่าเขา ผลิตผลบางอย่างมีมากจนเหลือใช้ ซึ่งอาจตรงกับความต้องการของบางคน ทั้งสองฝ่ายจะมาพบกัน ณ ที่นัดหมาย มักเป็นบริเวณพื้นที่สำคัญที่ชุมชนกำหนด จึงเป็นที่มาของการจัดแสดงและนิทรรศการในสมัยโบราณ
........3. การจัดเทศกาลแสดงสินค้าสมัยใหม่ ศตวรรษที่ 19 โรงงานต่างๆที่ผลิตสินค้า การสื่อสารและการส่งสินค้าดีขึ้น ผู้ผลิตจะนำเสนอ หรือจัดแสดงเฉพาะสินค้าตัวอย่าง เมื่อผู้ซื้อต้องการสินค้าใดก็สามารถสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็ว นับเป็นปรากฎการณ์ใหม่และมีความหมายในการจัดนิทรรศการขนาดใหญ่
คุณค่าของนิทรรศการ
1. เป็นแหล่งรวบรวมความรู้จากหลายๆที่ มารวมเข้าด้วยกันอย่างมีระบบและสวยงาม เพื่อจัดแสดงและนำเสนอในเวลาเดียวกัน
2. เป็นแหล่งถ่ายทอดสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรมได้ โดยอาศัยสื่อต่างๆ เช่น รูปภาพ แสง เสียง หุ่นจำลอง ของจริง การแสดง
3. เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในกิจกรรม
4. ส่งเสริมการทำงานเป็นหมู่คณะ
คุณสมบัติของผู้จัดนิทรรศการ
...1. มีความรู้พื้นฐานทางจิตวิทยาหรือการทำความเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์
...2. มีประสบการณ์และมีความรู้ความสามารถในวิทยาการแขนงต่างๆ เช่น ศิลปะ งานช่าง งานออกแบบ การผลิตสื่อ
...3. มีความคิดสร้างสรรค์ มีแผนงานการทำงานอย่างเป็นระบบ มีแรงจูงใจ มีความมุมานะ
ประเภทของนิทรรศการ
1. จำแนกตามขนาด......-การจัดแสดงหรือจุลนิทัศน์ -นิทรรศการทั่วไป -มหกรรม
2. จำแนกตามวัตถุประสงค์...-นิทรรศการเพื่อการศึกษา -นิทรรศการเพื่อการประชาสัมพันธ์ -นิทรรศการเพื่อการค้า
3. จำแนกตามระยะเวลา......-นิทรรศการถาวร -นิทรรศการชั่วคราว -นิทรรศการเคลื่อนที่
4. จำแนกตามสถานที่......-นิทรรศการในอาคาร -นิทรรศการกลางแจ้ง -นิทรรศการกึ่งในอาคารกึ่งกลางแจ้ง

บทที่ 2


บทที่ 2
ลักษณะของนิทรรศการ

การจำแนกประเภทของนิทรรศการโดยพิจารณาจากขนาดวัตถุประสงค์
ระยะเวลาและสถานที่ที่ใช้ในการจัดทำให้ได้นิทรรศการหลากหลายประเภทได้แก่
การจัดแสดงหรือจุลนิทัศน์นิทรรศการทั่วไปมหกรรมนิทรรศการเพื่อการศึกษา
นิทรรศการเพื่อการประชาสัมพันธ์ นิทรรศการเพื่อการค้านิทรรศการถาวร
นิทรรศการชั่วคราวนิทรรศการเคลื่อนที่นิทรรศการในอาคารนิทรรศการกลางแจ้ง และนิทรรศการกึ่งในอาคารกึ่งกลางแจ้งซึ่งแต่ละประเภทมีรูปแบบและลักษณะดังนี้
การจัดแสดงหรือจุลนิทัศน์
ลักษณะของการจัดแสดงหรือจุลนิทัศน์ เป็นนิทรรศการขนาดเล็กสุดที่นำเสนอข้อมูลวัตถุ
สิ่งของ ผลงาน สินค้าหรือผลิตภัณฑ์บางส่วนพอเป็นตัวอย่างโดยการออกแบบเป็นพิเศษ
ให้สะดุดตา เร้าใจ น่าสนใจ ทำให้ผู้ชมเกิดการเปลี่ยนแปลงความรู้ความเข้าใจและทัศน
คติที่ดีต่อเนื้อหาเรื่องราว



การจัดจุลนิทัศน์มีลักษณะสำคัญดังนี้
1.เป็นการจัดแสดงวัสดุสิ่งของในบริเวณพื้นที่ขนาดเล็กๆเนื้อหาเรื่องราวที่นำมาจัดแสดง
เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาทั้งหมด
2.วัสดุอุปกรณ์ประกอบในการจัดจุลนิทัศน์ไม่ควรมีหลายชิ้นมากนัก
3.ตำแหน่งในการจัดจุลนิทัศน์อาจจัดในสถานที่ที่มีความเหมาะสม
4. เนื้อหาหรือเรื่องราวที่นำมาจัดแสดงเป็นแนวคิดเดียวกัน
5.หากนำจุลนิทัศน์จากที่ต่าง ๆ จำนวนมากมาจัดรวมกันในสถานที่ใดที่หนึ่งให้ต่อเนื่องกัน


กล่าวถึงขบวนการส่งเสริมการขายด้วยการจัดแสดงสินค้าเพื่อชักนำลูกค้า
ไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ดึงดูดสายตาของผู้ที่เดินผ่านไปมา (attract attention) ด้วยการใช้รูปทรง
สีสัน การจัดแสง การเคลื่อนไหว อักษรที่แปลกใหม่สะดุดตา การใช้รูปแบบ
หรือสีสันที่ตัดกัน(contrast)อย่างเหมาะสม
2.เร้าความสนใจของผู้พบเห็น(arouseinterest)การจัดแสดงสินค้าที่ดี
ต้องมีจุดโฟกัส(focus)เป็นจุดรวมความสนใจของผู้ชมกลุ่มเป้าหมายโดยการนำสายตา
ด้วยแสง สีสัน การเคลื่อนไหวให้มุ่งตรงไปยังสินค้าที่มีคุณภาพ
3.ก่อให้เกิดความปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของ (stimulate desire)
สามารถทำได้ด้วยวิธีการสาธิตให้เห็นถึงวิธีใช้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพและประโยชน
์ของสินค้า ชี้ให้เห็นถึงความความสัมพันธ์และความจำเป็นในการใช้สินค้ากับชีวิต
ประจำวัน
4.โน้มน้าวให้เกิดความเชื่อมั่นในสินค้าและร้านค้า (conviction)
โดยการบอกเล่าความจริงเกี่ยวกับสินค้าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคุณสมบัติต่างๆ ในด้านความปลอดภัยและความประหยัดของทั้งสินค้าและร้านค้า
5.กระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อ(causeaction)ถ้าผู้จัดแสดงสินค้าสามารถผลักดัน
ให้งานลุล่วงไปด้วยดีมาจนถึงขั้นนี้และสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้สำเร็จ
การขายจะเกิดตามมาโดยอัตโนมัติ ลูกค้าจะเดินเข้าร้านไปซื้อสินค้าเอง
6.ทำให้เกิดความพึงพอใจหรือประทับใจ(satisfiedorimpression) การจัดแสดงสินค้าที่ดีและต่อเนื่องสม่ำเสมอย่อมทำให้ลูกค้าตลอดจนผู้ดูผู้ชม ผู้พบเห็นเกิดภาพประทับใจมีความพึงพอใจในศิลปะการตกแต่งแสดงสินค้านั้นๆ


นิทรรศการทั่วไป
ในสังคมไทยนิยมเรียกการจัดแสดงสิ่งของหรือเนื้อหาเชิงวิชาการต่าง ๆ ว่า “นิทรรศการ”ไม่ว่าการจัดแสดงสิ่งของนั้นจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่เพียงใดเรามัก
เรียกรวม ๆ ว่านิทรรศการเสมอ แต่ในที่นี้คำว่า นิทรรศการ เป็นสื่อกิจกรรมขนาด
กลางที่องค์การหรือหน่วยงานต่าง ๆ นิยมจัดเพื่อแสดงผลงานซึ่งพบเห็นกันโดยทั่วไป เป็นการจัดแสดงผลงานหรือผลิตภัณฑ์ที่มีบริเวณพื้นที่กว้างขวาง
ตั้งแต่การจัดในห้องเรียน บริเวณโรงเรียน ศูนย์การค้า ศาลาวัด ฯลฯ
นักออกแบบนิทรรศการยังแบ่งนิทรรศการ ออกเป็น 4 ขนาดตามขนาด
พื้นที่ที่จัดแสดงคือ

1. นิทรรศการขนาดเล็ก (small exhibits) เป็นนิทรรศการที่จัดขนาดพื้น
ที่น้อยกว่า 400 ตารางฟุตหรือ 37 ตารางเมตร

2. นิทรรศการขนาดกลาง (medium exhibits) ใช้พื้นที่ตั้งแต
401 ตารางฟุต ถึง 1600 ตารางฟุตหรือ 38-148 ตารางเมตร

3. นิทรรศการขนาดใหญ่ (large exhibits) ใช้พื้นที่ตั้งแต่ 1601-4000
ตารางฟุต หรือ 149-371 ตารางเมตร

4. นิทรรศการขนาดยักษ์ (giant exhibits) ใช้พื้นที่ตั้งแต่ 4000 ตารางฟุต
หรือมากกว่า 371 ตารางเมตร


นอกจากข้อกำหนดทางด้านขนาดแล้ว นิทรรศการทั่วไปยังมีลักษณะที่สำคัญดังนี้
1. มักจัดขึ้นในโอกาสพิเศษต่าง ๆ มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
2. มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
3. ใช้วัสดุอุปกรณ์และเนื้อหากิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่มีความสัมพันธ์กันมาจัดฃ
แสดงร่วมกัน

4. ใช้เวลาจัดแสดงไม่ยาวนานอย่างพิพิธภัณฑ์ ไม่เคลื่อนที่ไปตามสถานที่ต่าง ๆ
อย่างรวดเร็วอย่างนิทรรศการเคลื่อนที่


มหกรรม

มหกรรม หรือนิทรรศการขนาดใหญ่มโหฬารระดับชาติหรือนานาชาติ
ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญดังนี้

1. เป็นการจัดนิทรรศการที่ต้องใช้พื้นที่ที่มีอาณาบริเวณขนาดใหญ่มโหฬาร

2. การจัดงานมหกรรมนานาชาติแต่ละครั้งใช้งบประมาณเป็นจำนวนมหาศาล

3. เป็นการจัดแสดงเพื่อต้อนรับผู้ชมกลุ่มเป้าหมายจากทั่วทุกมุมโลก

4. การจัดมหกรรมนานาชาติต้องแสดงถึงความก้าวหน้าด้านวิทยาการสมัยใหม่


นิทรรศการเพื่อการศึกษา


นิทรรศการเพื่อการศึกษา เป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นเพื่อการถ่ายทอดความรู้และ
ประสบการณ์ไปสู่ผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้จากการ
แสดงเนื้อหาด้วยสื่อและกิจกรรมต่างๆ

นิทรรศการเพื่อการศึกษามีลักษณะที่สำคัญดังนี้


1.เป็นการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้วยรูปแบบต่างๆ โดยมุ่งเน้นให้ผู้ชมได้รับการศึกษาและการเรียนรู้เป็นประเด็นสำคัญ


2.ส่งเสริมให้ผู้ชมมีทัศนคติที่ดีทางการศึกษาโดยแสดงให้เห็นถึงบทบาท
ของการศึกษาที่ส่งผลถึงการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขและความเจริญ


3. เปิดโอกาสให้ผู้ชมหรือผู้เรียนได้มีทางเลือกในการเรียนรู้หรือการ
ศึกษาตามความสามารถและความถนัดของแต่ละบุคคล


4.นิทรรศการทางการศึกษาสามารถจัดได้ทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียน
บริเวณในโรงเรียน นอกโรงเรียน และสถานที่ทั่วไปในชุมชน


5.รูปแบบของนิทรรศการเพื่อการศึกษาอาจเป็นทั้งนิทรรศการชั่วคราว
นิทรรศการเคลื่อนที่หรือนิทรรศการถาวรเช่นพิพิธภัณฑสถานประจำจังหวัด
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศูนย์บริภัณฑ์เพื่อการศึกษา พิพิธภัณฑ์ในโรงเรียน เป็นต้น


6.หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆสามารถจัดนิทรรศการเพื่อการศึกษาได้เป็นอย่างดี
เช่น กรมไปรษณีย์โทรเลข พิพิธภัณฑ์สถานประจำจังหวัด กระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น




นิทรรศการเพื่อการประชาสัมพันธ์มีลักษณะที่สำคัญดังนี้คือ
1.เป็นการรวบรวมหลักฐานข้อมูลข้อเท็จจริงหรือความคิดที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรมด้วยสื่อต่างๆ ให้ผู้ชมได้เข้าใจและมีทัศนคติที่ดีต่อหน่วยงาน
2.เน้นการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องตามความเป็นจริงขององค์กรหรือหน่วยงานสามารถ
อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลได้แน่นอน
3.มุ่งแสดงคุณค่าที่น่าเชื่อถือศรัทธาในด้านความรู้ความสามารถ เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของ
หน่วยงานหรือองค์กรที่มีต่อสังคม
4.เป็นการจัดแสดงที่เหมาะสมกับกาลเวลาและโอกาส เหมาะกับเหตุการณ์หรือเทศกาลที่มีความ
สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับองค์กรหรือหน่วยงาน
5.รูปแบบการนำเสนอมีลักษณะแปลกใหม่สามารถกระตุ้นความสนใจและสื่อความหมายได้ดี
ใช้สื่อที่ประณีตเหมาะสมกับแต่ละองค์กรหรือหน่วยงาน
6.ส่งเสริมให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆเช่นการตอบแบบสอบถามการแข่งขันการตอบปัญหา
และการให้ข้อเสนอแนะ เป็นต้น


นิทรรศการเพื่อการค้า
นิทรรศการเพื่อการค้าเป็นการจัดแสดงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมการขายสินค้า
ผลิตภัณฑ์และการบริการให้ได้มากที่สุดตามเป้าหมายที่วางไว้


นิทรรศการเพื่อการค้ามีลักษณะที่สำคัญดังนี้

1. มีจุดมุ่งหมายเพื่อการขายสินค้าเป็นสำคัญ โดยเน้นที่การโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ หากเป็นนิทรรศการขนาดใหญ่ของภาคเอกชนที่มีธุรกิจขนาดใหญ่
นิทรรศการเพื่อการค้ามีทั้งรูปแบบนิทรรศการถาวรการใช้สื่อโฆษณาและประชา
สัมพันธ์ในงานนิทรรศการเป็นหลักการพื้นฐานสำคัญของการดำเนินกิจกรรมประเภทนี้


นิทรรศการถาวร
นิทรรศการถาวรเป็นการนำเสนอข้อมูลและจัดแสดงที่ค่อนข้างสมบูรณ์
มีการจัดเป็นประจำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน


นิทรรศการถาวรมีลักษณะสำคัญดังนี้
1. สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งเป็นเวลานาน ๆ
2. การจัดนิทรรศการแบบนี้มีการลงทุนสูง
3. วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาจัดแสดงเป็นวัสดุที่คงทน
4. การออกแบบเพื่อการจัดแสดงสิ่งของจะทำอย่างรอบคอบพิถีพิถัน
5. สถานที่ที่ใช้ในการจัดแสดงนิทรรศการจะออกแบบไว้อย่างมีแบบแผนแน่นอน
6. หากเนื้อหาที่จัดแสดงเกี่ยวข้องกับความเชื่อหรือวิถีชีวิตของชุมชน
7. ส่วนใหญ่นิทรรศการถาวรมักอยู่ในรูปของพิพิธภัณฑ์


นิทรรศการชั่วคราว
นิทรรศการชั่วคราวเป็นการจัดกิจกรรมเพื่อแสดงเนื้อหาเรื่องใดเรื่อง
หนึ่งเป็นครั้งคราวตามโอกาสที่เหมาะสมอาจใช้เวลาประมาณ 2-10 วัน


นิทรรศการชั่วคราวมีลักษณะที่สำคัญดังนี้
1. เป็นการจัดแสดงระยะสั้น ๆ หรือเป็นครั้งคราว
2. เนื้อหาและกิจกรรมที่นำเสนอจะเป็นเรื่องราวใหม่ ๆ
3.สื่อที่ใช้ในการจัดแสดงนิทรรศการแบบชั่วคราวมีทั้งสื่อประเภทวัสดุ

นิทรรศการเคลื่อนที่
นิทรรศการเคลื่อนที่มีผลดีในการเข้าถึงพื้นที่ของผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย
ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้ชมมากเนื่องจากมีความสะดวกถ้าเป็นการให้บริการ
ด้านการศึกษา ส่วนใหญ่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใช้บริการแต่อย่างใด


นิทรรศการเคลื่อนที่มีลักษณะที่สำคัญดังนี้
1.เป็นนิทรรศการที่ได้จัดเตรียมสื่อสำเร็จไว้เป็นชุด ๆ แต่ละชุดมีความสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ
ในตัวเอง
2.เนื้อหาที่เตรียมไว้มีหลายเรื่องเพื่อสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้ชม
3.รูปแบบของนิทรรศการเคลื่อนที่ต้องอาศัยยานพาหนะ
4.สื่อที่ใช้ในนิทรรศการเคลื่อนที่มีจำนวนไม่มากนัก


นิทรรศการในอาคาร
นิทรรศการที่จัดอยู่ร่มภายในอาคารซึ่งอาจเป็นห้องประชุม ห้องโถง
ห้องเรียน เฉลียงหรือระเบียงในอาคาร


การจัดนิทรรศการในอาคารมีลักษณะสำคัญดังนี้
1.จัดขึ้นภายในอาคารหรือพื้นที่ที่มีหลังคาป้องกันแสงแดดและฝนได้
2.เนื้อหาของนิทรรศการเป็นเรื่องราวที่ไม่จำเป็นต้องใช้บริเวณกว้างขวางมากนัก
สามารถนำเสนอให้เบ็ดเสร็จภายในอาคารได้
3.เป็นเนื้อหาที่ต้องการความต่อเนื่องปราศจากสิ่งรบกวนในการชมที่จัดแสดง ไม่ต้องการบรรยากาศธรรมชาติจากภายนอกเป็นองค์ประกอบสำคัญ
4.จัดในอาคารที่มีห้องและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยได้อย่างแข็งแรง
โดยเฉพาะการจัดแสดงสิ่งของที่มีมูลค่าสูง
5.มีการควบคุมบรรยากาศด้วยแสงโดยเฉพาะเนื้อหาที่ต้องการสร้างอารมณ์และ
ความรู้สึกของผู้ชมด้วยการเน้นการควบคุมแสงในจุดสำคัญ
6. การเลือกใช้วัสดุ สามารถใช้วัสดุได้ทุกประเภททั้งชนิดถาวรและไม่ถาวร
เช่น ไม้ หิน โลหะ กระดาษ สีน้ำ สีโปสเตอร์ เป็นต้น
7.การออกแบบการจัดนิทรรศการภายในอาคารสามารถสร้างสรรค์ด้วยจินตนา
การที่สอดคล้องกับเนื้อหาและกิจกรรมได้อย่างอิสระเพราะสามารถควบคุมบรรยากาศได

นิทรรศการกลางแจ้ง
นิทรรศการกลางแจ้งเป็นนิทรรศการที่ต้องการพื้นที่ บริเวณกว้างขวาง โล่งแจ้ง
มีผู้ชมจำนวนมาก


การจัดนิทรรศการกลางแจ้งมีลักษณะสำคัญดังนี้
1. จัดแสดงสื่อสิ่งของหรือกิจกรรมบริเวณภายนอกอาคาร
2. จัดได้ทั้งแบบถาวรและแบบชั่วคราว
3. เนื้อหาที่นำเสนอมีความสัมพันธ์กับพื้นที่จัดแสดงซึ่งอาจมีบริเวณกว้าง
ขวางเป็นธรรมชาติ

บทที่ 3


บทที่ 3
หลักจิตวิทยาในการจัดนิทรรศการ
ในการจัดนิทรรศการมีหลักการสำคัญที่ควรคำนึงถึงได้แก่ หลักจิตวิทยา
ในการจัดนิทรรศการและหลักการออกแบบนิทรรศการ ในบทนี้จะกล่าวถึงหลักจิตวิทยาในการจัดนิทรรศการ ส่วนหลักการออกแบบนิทรรศการจะกล่าวในบทต่อไป

การรับรู้
การรับรู้ คือ การสัมผัสที่มีความหมาย การรับรู้เป็นกระบวนการหรือตีความแห่งการสัมผัสที่ได้รับออกเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีความหมาย คนเราจะต้องใช้ความรู้เดิมหรือประสบการณ์ที่มีมาก่อน โดยปกติเรารับรู้โดยผ่านระบบรับสัมผัสซึ่งได้แก่ ระบบรีเซ็ตเตอร์ในตา หู จมูก ลิ้น ผิมหนัง และกล้ามเนื้อ ข่าวสารที่ระบบรับสัมผัสรับจากสิ่งแวดล้อมจะถูกส่งไปยังสมองเพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นการได้เห็น การได้กลิ่น การได้รส ความรู้สึกร้อน หนาว เจ็บป่วย ฯลฯ เราสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการรับรู้มาประยุกต์ใช้ในการจัดนิทรรศการทั้งที่เป็นพฤติกรรมการแสดงออกและสื่อที่ผู้ชมสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทรับสัมผัสทั้งห้า ดังนั้นในการจัดนิทรรศการผู้จัดควรคำนึงถึงองค์ประกอบหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ดังนี้

1. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการับรู้
1.1 ปัจจัยที่เร้าความสนใจจากภายนอกมีบทบาทกระตุ้นในการรับรู้ให้ผู้ชมสนใจนิทรรศการขึ้นอยู่กับคุณลักษณะดังนี้ ความเข้ม ขนาด ความแปลกใหม่และสิ่งที่มีลักษณะตัดกัน ตำแหน่งที่ตั้ง การเคลื่อนไหว ความเป็นหนึ่งเดียว ระยะเวลา ความคงทน การทำซ้ำ
1.2 ปัจจัยที่ความสนใจจากภายใน ควรคำนึงถึงปัจจัยทางด้านจิตวิทยาบางประการ เช่น ความตั้งใจ แรงขับ อารมณ์ ความสนใจ สติปัญญา
ปัจจัยภายในของมนุษย์เป็นเรื่องที่สลับสับซ้อนกว่าภายนอกยิ่งนัก ยากที่จะแสวงหาความจริงแท้ให้กระจ่างแจ้งได้ ยังมีพฤติกรมภายในอีกหลายอย่างที่เป็นปัจจัยส่งผลถึงการรับรู้เรียนรู้และการดำเนินชีวิต แต่เท่าที่เสนอมา 5 ประการนี้ พอเป็นพื้นฐานที่จะนำไปใช้พิจารณาร่วมกับองค์ประกอบอื่นๆในการวางแผนและดำเนินงานในการจัดนิทรรศการให้ประสบผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

2. การรับรู้นิทรรศการตามแนวทฤษฏีจิตวิทยา
2.1 หลักของความไกล้ชิด หมายถึง สิ่งเร้าที่อยู่ไกล้กันทำให้เรามีแนวโน้มที่จะรับรู้
- ประโยชน์ในการนำหลักของความไกล้ชิดมาใช้กับการจักนิทรรศการคือสะดวกต่อการรับรู้และการเรียนรู้ของผู้ชม
- การประยุกต์ใช้หลักของความไกล้ชิดกับการจัดนิทรรศการเพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมรับรู้ได้ดีตามหลักของความไกล้ชิด
2.2 หลักของความคล้ายคลึง หมายถึง สิ่งเร้าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันทำให้การรับรูมีแนวโน้มที่จะเป็นพวกเดียวกันมากกว่าสิ่งที่แตกต่างกัน
- ประโยชน์ในการนำหลักของความไกล้ชิดมาใช้กับงานนิทรรศการมีหลายประการคือ ช่วยให้เกิดความเป็นกลุ่มและมีเอกภาพ สะดวกต่อการรับรู้
- การประยุกต์ใช้หลักของความคล้ายคลึงกับการจัดนิทรรศการทำได้โดยการจัดวางสื่อหรือสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกันเป็นหมวดหมู่หรือเป็นกลุ่มเดียวกัน
2.3 หลักของความต่อเนื่อง หมายถึง สิ่งเร้าที่ปรากฎให้เห็นอย่างซ้ำๆเหมือนกันไปในทิศทางเดียวกันอย่างต่อเนื่องมีแนวโน้มเป็นพวกเดียวกันมากกว่าที่จะแยกกัน
- ประโยชน์ในการนำหลักของความต่อเนื่องมาใช้ในการจัดนิทรรศการมีหลายประการ คือ ช่วยให้เกิดประโยชน์ในการวางแผน การออกแบบและการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การประยุกต์ใช้หลักของความต่อเนื่องมาใช้ในการจัดนิทรรศการเพื่อให้ผู้ชมเกิดการรับรู้และการเรียนรู้ได้ดี
2.4 หลักของความประสาน เป็นการต่อเติมสิ่งเร้าที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์ ความไม่สมบูรณ์จะก่อให้เกิดการสงใสทำให้เราสนใจและคาดเดาด้วยการเติมเต็มส่วนที่บกพร่อกให้สมบูรณ์
- การนำหลักของการประสานมาใช้ในการจัดนิทรรศการมีประโยชน์หลายประการคือ สามารถสร้างความฉงนสนเท่ห์และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้ชมได้ดี
- การประยุกต์ใช้หลักของความประสานกับการจัดนิทรรศการสามารถทำได้โดยการวางผลิตภัณฑ์ที่เหมือนกันให้ห่างกันในบางช่วงที่ต้องการกระตุ้นการรับรู้

การเรียนรู้
การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
อันเป็นผลจากการฝึกฝนและประสบการณ์ แต่มิใช่ผลจากการตอบสนองที่
เกิดขึ้นตามธรรมชาติ การจัดนิทรรศการเป็นสื่อกิจกรรมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
ของผู้ชมได้ดีเนื่องจากการใช้สื่อหลายชนิดและวิธีการนำเสนอที่หลากหลาย ทำให้สามารถตอบสนองการเรียนรู้ได้หลายด้านการเข้าร่วมกิจกรรมนิทรรศการ
มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้แตกต่างจากการเรียนรู้ในห้องเรียนทั่วไป ผู้ชมได้รับ
ความรู้ควบคู่กับความบันเทิงทั้งยังสามารถเลือกชมสื่อหรือเนื้อหาได้ตามอัธยาศัย
ตามความสนใจ และจะใช้เวลาในการชมหรือเรียนรู้ได้ตามความต้องการ
นักจิตวิทยาหลายท่านได้ศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ของมนุษย์ตลอดจนปัจจัยต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องและได้ข้อสรุปเป็นแนวคิดและทฤษฎีซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็น
แนวทางให้เกิดประโยชน์ในการจัดนิทรรศการได้ดังนี้
1. ประเภทของการเรียนรู้
2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของผู้ชมในการชมนิทรรศการ

จิตวิทยาพัฒนาการ
1. วัยเด็กตอนต้น
เด็กวัยนี้มีอายุตั้งแต่ 2 ถึง 6 ปี เป็นเด็กวัยเรียนในระดับบริบาล อนุบาล และประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นวัยที่มีการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากเพราะเริ่มก้าวออกสู่สังคมนอกบ้าน เด็กวัยนี้ชอบสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่ค่อยรู้จักมาก่อนสนใจสิ่งรอบตัวเป็นวัยแห่งการสำเร็จอย่างแจริง ช่างซักถาม ชอบรูปภาพในหนังสือและชมสิ่งเคลื่อนไหวที่มีสีสันสดใสชัดเจน
2. วัยเด็กตอนกลาง
ช่วงของเด็กวัยนี้ประมาณ 7- 12 ปี อยู่ในช่วงระดับประถมศึกษาเด็กสนใจสภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมรอบตัวพอใจที่จะเผชิญสิ่งแปลกใหม่ ชอบอ่านหนังสือ ฟังเพลง ร้องเพลง ดูโทรทัศน์ ชอบภาพยนตร์ประเภทนิทาน การจัดนิทรรศการที่ผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย อยู่ในวัยเด็กตอนกลางควรมีกิจกรรมหลากหลายให้เด็กมีส่วนร่วมได้เล่นและแสดงออกตามความสนใจอย่างอิสระ
3. วัยรุ่น
อายุประมาณ 13-19 ปี ลักษณะความสนใจของวัยรุ่นมีขอบข่ายกว้างขวางสนใจหลายอย่างแต่ไม่ลึกซึ้งมากสนใจและชอบเลียนแบบบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของสังคม วัยนี้สนใจคบเพื่อนเพศเดียวกันและเพื่อนต่างเพศ ให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงชุมนุม การสร้างสรรค์ให้ความรู้หรือข้อคิดให้สามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ตัวอย่างเนื้อหาหรือกิจกรรมที่เหมาะสมกับการจัดนิทรรศการสำหรับวัยรุ่น เช่น การดูแลสุขภาพวัยรุ่น การปรับปรุงบุคลิกภาพ
4. วัยผู้ใหญ่
วัยผู้ใหญ่ตอนต้น เริ่มตั้งแต่อายุประมาณ 20 ถึง 40 ปี โดยทั่วไปสนใจเกี่ยวกับเรื่องรูปร่างหน้าตา วัยนี้อยู่ในวัยสร้างฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม ที่อยู่อาศัย อิทธิพลด้านอาชีพมีผลต่อความสนใจมาก อาชีพและสังคมที่ตนรับผิดชอบอยู่ การปรับตัวให้เข้ากับคู่สมรส การอบรมเลี้ยงดูลูกเป็นต้น

วัยผู้ใหญ่ตอนกลาง อายุประมาณ 40-60 ปี เป็นระยะเริ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ ความสนใจอยู่ที่เรื่องสุขภาพ การปรับตัวในงานอาชีพที่ต่อเนื่องมาจากวัยผู้ใหญ่ตอนต้น กิจกรรมยามว่าง ความสัมพันธ์ในครอบครัว การทำประโยชน์ให้กับสังคม วัฒนธรรมประเพณีและศาสนา

วัยชรา โดยทั่วไปมักจะกำหนดให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไปเข้าสู่วัยชรา วัยนี้เป็นวัยปรับตัวให้เหมาะกับความเสื่อมของสุขภาพร่างกาย คนในวัยชราจึงสนใจเรื่องสุขภาพ ชอบให้มีคนอยู่เป็นเพื่อน สมใจเรื่องราวในอดีตที่ตนเคยร่วมสมัย ต้องการการยอมรับและยกย่องประสบการณ์และความสำเร็จในอดีตที่ผ่านมา

บทสรุป
การจัดนิทรรศการให้ประสบผลสำเร็จควรคำนึงถึงปัจจัยทางด้านจิตวิทยา
หลายอย่างที่สำคัญคือ การรับรู้ การเรียนรู้ และจิตวิทยาพัฒนาการ
การรับรู้ที่ควรคำนึงถึงได้แก่ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ทั้งปัจจัยที่เร้าความสนใจ
จากภายนอกและภายใน หลักการจากทฤษฎีของกลุ่มเกสตอลท์ได้แก่
หลักของความใกล้ชิดหลักของความคล้ายคลึงหลักของความต่อเนื่องและหลักของ
การประสานส่วนการเรียนรู้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านความรู้ความเข้าใจ
ด้านเจตคติอารมณ์และจิตใจด้านกล้ามเนื้อและประสาทสัมผัสปัจจัยที่มีผลต่อการเรียน
รู้ของผู้ชมในการชมนิทรรศการได้แก่ปัจจัยทางด้านผู้ชมด้านเนื้อหาและกิจกรรมและ
ด้านเทคนิคการนำเสนอสำหรับจิตวิทยาพัฒนาการในส่วนที่นำมาประยุกต์ใช้
ในการจัดนิทรรศการได้แก่ ความต้องการและความสนใจของบุคคลในวัยเด็กตอนต้น
วัยเด็กตอนกลางวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ซึ่งยังแบ่งออกเป็นวัยผู้ใหญ่ตอนต้นวัยผู้ใหญ่
ตอนกลาง และวัยผู้ใหญ่ตอนปลายหรือวัยชรา

บทที่ 4


บทที่ 4
หลักการออกแบบนิทรรศการ

“การออกแบบ” เป็นกระบวนจัดองค์ประกอบในทุกสาขาวิชาให้มีลักษณะ
แปลกใหม่ สวยงามสื่อความหมายได้ดีและมีประโยชน์ในการใช้สอยโดยอาศัย
ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการเป็นหลักสำคัญ

ความหมายของการออกแบบ
การออกแบบตรงกับภาษาอังกฤษว่า “design” ในภาษากรีก
หมายถึงบทกวี(poetry)ต้องมีการวางเค้าโครงตามจินตนาการของผู้ประพันธ์
ผสมผสานกับความรู้สึกที่แสดงออกให้ผู้อื่นเข้าใจอย่างมีศิลปะและสุนทรียภาพ
สรุปได้ว่าการออกแบบหมายถึงความคิดคำนึงหรือจินตนาการ
เกี่ยวกับความสัมพันธ์โดยรวมขององค์ประกอบย่อยกับโครงสร้างของแต่ละเรื่อง
ในการออกแบบเรื่องหนึ่งๆนักออกแบบจะพยายามสร้างทางเลือกหลาย ๆ แบบโดย
การสลับสับเปลี่ยนคุณสมบัติขององค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ขนาด พื้นผิว
ตำแหน่งทิศทางรูปร่างรูปทรงจังหวะเพื่อให้ได้โครงสร้างที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นการออกแบบจึงเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดขึ้นเสมอ

คุณค่าของการออกแบบ
การออกแบบมีคุณค่าหลายประการสรุปว่าการออกแบบเป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์
กับมนุษย์และระหว่างมนุษย์กับวัตถุที่มีคุณค่า 3 ประการ คือ


1.เพื่อประโยชน์ใช้สอย
2.เพื่อประโยชน์ในการติดต่อสื่อสาร
3.เพื่อคุณค่าทางความงามซึ่งเกี่ยวข้องกับทัศนศิลป์เช่นภาพเขียนอุนสาวรีย์ ภาพปั้นที่แสดงออกซึ่งความคิดจินตนาการและความงาม





กล่าวโดยสรุปจากความคิดของเชอร์เมเยฟ การออกแบบมีคุณค่า ดังนี้

1.เหมือนกับเครื่องมือในการจัดระบบ
2.เป็นวิถีทางที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุกับบุคคล
3.เป็นกระบวนการพัฒนาให้เกิดความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
4.ตอบสนองความต้องการเร่งด่วนในสังคมไม่ใช่ส่วนเกิน
5.เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่รอด หรือเป็นการวางแผนในเชิงทรัพยากร
6.สามารถประหยัดด้านเศรษฐกิจโดยลดต้นทุนทางด้านแรงงานและอุปกรณ์
7.สามารถประหยัดเวลา โดยการเสนอข้อมูลที่กระจ่างชัด
8.กระตุ้นการสื่อสาร เป็นการช่วยให้บุคคลจำนวนมากขึ้น มีความเข้าใจต่อสื่อที่เสนอช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่กว้างและรวดเร็วขึ้น
9.ทำให้การใช้ การผลิต และการเตรียมงานง่ายสะดวกสบายขึ้น
10.ช่วยให้เครื่องจักรกลเหมาะสมสอดคล้องกับมนุษย์ทางด้านกายภาพมากขึ้น

ดังนั้นจึงประมวลได้ว่าการออกแบบมีความจำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์มีคุณค่าใน การตอบสนองด้านประโยชน์ใช้สอยการติดต่อสื่อสารและความงามการออกแบบจะช่วยใน
การจัดระบบให้ประหยัดเศรษฐกิจเวลาแรงงานทำให้เกิดความสะดวกสบายปลอดภัยเรียนรู้ได้ กว้างขวางและรวดเร็วขึ้นนอกจากนี้ยังเป็นโอกาสที่ทำให้ผู้ออกแบบได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่

จุดมุ่งหมายของการออกแบบ

โดยทั่วไปการออกแบบมีจุดมุ่งหมายสำคัญ 2 ประการ ได้แก่ การออกแบบ
เพื่อประโยชน์ใช้สอย และการออกแบบเพื่อความงามและความพอใจ
-การออกแบบเพื่อประโยชน์ใช้สอย
-การออกแบบเพื่อความงามและความพอใจ


การออกแบบนิทรรศการ
การออกแบบนิทรรศการเป็นการจัดองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้อง
ซึ่งกันและกันทั้งที่เป็นเนื้อหาเรื่องราววัสดุอุปกรณ์รูปแบบงบประมาณ สถานที่
และลักษณะธรรมชาติของผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย

วัตถุประสงค์ของการออกแบบนิทรรศการ
-การออกแบบนิทรรศการมีวัตถุประสงค์หลายประการดังต่อไปนี้
-เพื่อกระตุ้นความสนใจให้ประชาชนได้รับความรู้และประสบการณ์จากการ
จัดนิทรรศการ
-เพื่อเป็นการสร้างสรรค์รูปแบบของสื่อต่าง ๆ และเนื้อหาให้มีลักษณะกระชับ
สวยงามตรงประเด็น เข้าใจง่าย
-เพื่อเป็นการกระตุ้นและดึงดูดความสนใจประชาชนให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร
-การออกแบบที่ดีเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ดูแปลกตาและน่าทึ่งอย่าง
ไม่มีที่สิ้นสุด
-เป็นการประหยัดเวลา งบประมาณ และแรงงานในการลองผิดลองถูกกับสถานที่จริง
ซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อความล้มเหลว

หลักการออกแบบในการจัดนิทรรศการ
การออกแบบทุกสาขาวิชาให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ควรคำนึงถึง การจัดองค์ประกอบให้สัมพันธ์กันและกลมกลืนกับหลักการ
ธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์นั้น ๆ
หลักการออกแบบนิทรรศการมีดังนี้

- ความเป็นเอกภาพ
- ความสมดุล
- การเน้น
- ความแตกต่าง
- ความกลมกลืน
- ความเรียบง่าย
- ความสมบูรณ์
บทสรุป
การออกแบบนิทรรศการเป็นการใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
เพื่อวางแผนจัดองค์ประกอบต่าง ๆ ในนิทรรศการให้น่าสนใจและได้ประโยชน์
ตามจุดมุ่งหมาย หลักการออกแบบที่ดีควรยึดหลักสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
ความเป็นเอกภาพ ความสมดุล และการเน้น การเน้นอาจเน้นด้วยเส้น สี แสง
เงา พื้นผิว รูปร่าง โดยใช้วิธีทำให้ตัดกันการแยกตัวออกไป การจัดวางจังหวะ
การจัดวางตำแหน่งและสร้างความคิดรวบยอดทั้งนี้เพื่อให้เป็นจุดรวมความ
สนใจความสมดุลแบ่งออกเป็นความสมดุลแบบสมมาตรและอสมมาตรซึ่ง
สามารถสร้างความสมดุลได้ด้วยสีรูปร่างน้ำหนักพื้นผิวตำแหน่งและทิศทาง
ส่วนความเป็นเอกภาพแสดงออกให้เห็นด้วยความใกล้ชิด การซ้ำ
ความต่อเนื่อง ความหลากหลายและความกลมกลืน

บทที่ 5


บทที่ 5
ขั้นตอนในการจัดนิทรรศการ

นอกจากหลักการสำคัญของการจัดนิทรรศการ ซึ่งได้แก่หลักจิตวิทยาในการจัดนิทรรศการและหลักการออกแบบนิทรรศการดังได้กล่าวในบทก่อนแล้ว การจัดนิทรรศการที่ดียังประกอบด้วยการบริหารจัดการขั้นตอนในการจัดนิทรรศการที่ดีด้วย

ขั้นตอนในการจัดนิทรรศการ
แม้การจัดนิทรรศการแต่ละประเภทแต่ละครั้งจะมีรูปแบบเนื้อหา
วัตถุประสงค์และกลุ่ม เป้าหมายแตกต่างกัน แต่ก็มีขั้นตอนในการดำเนินงานอย่าง
น้อย 4 ขั้นตอนเหมือนกันคือ ขั้นการวางแผน (planning stage) ขั้นปฏิบัติการ
ผลิตสื่อและติดตั้ง (media production stage) ขั้นการนำเสนอ (presentation stage)
และขั้นการประเมินผล (evaluation stage)

1.ขั้นการวางแผน
การวางแผนเป็นขั้นแรกก่อนลงมือปฏิบัติงานทุกประเภท นับเป็นขั้นสำคัญที่สุดที่ส่งผลถึงความสำเร็จหรือความล้มเหลวของแต่ละงานได้ การวางแผนที่ดีจะช่วยให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีคำถามพื้นฐานที่สำคัญที่ใช้ในการวางแผนทั่วๆไป 6 ประการ
คือ ทำไมจึงต้องกระทำ กิจกรรมอะไรที่จำเป็นจะต้องปฏิบัติ จะปฎิบัติในสถานที่ใด เมื่อใดการกระทำนั้นจึงจะเริ่มดำเนินการ ใครจะเป็นคนปฏิบัติ และปฏิบัติอย่างไร

2.ขั้นปฏิบัติการผลิตสื่อและติดตั้ง
การปฏิบัติการ เป็นการลงมือปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการติดตามและการประเมินผลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ ในขั้นนี้เป็นการนำเอาแผนไปปฏิบัติใช้จริง

3.ขั้นการนำเสนอ
ในขั้นนี้เป็นการแสดงเนื้อหาข้อมูลหรือสื่อต่างๆให้ผู้ชมได้รับรู้ ทดลอง จับต้องหรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามที่วางแผนออกแบบและติดตั้งไว้ โดยทั่วไปประกอบด้วย พิธีเปิด นิทรรศการ การนำชม ดำเนินกิจกรรมและการประชาสัมพันธ์ภายใน เป็นต้น



4.ขั้นประเมินผล
การประเมินผลเป็นงานสุดท้ายที่มีความสำคัญที่สุดของการปฏิบัติงานทุกชนิด เพราะสามารถสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานแต่ละครั้ง การประเมินผลการจัดนิทรรศการควรครอบคลุมทุกด้านทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้คณะผู้ดำเนินงานได้เห็นถึงข้อดีข้อเสียจุดเด่นจุดด้อยที่สามารถนำไปแก้ไขปรับปรุงในการจัดนิทรรศการครั้งต่อๆไปได้

แนวทางการจัดนิทรรศการที่ดี
ในขณะที่ดำเนินการตามขั้นตอนของการจัดนิทรรศการ
ผู้จัดควรคำนึงถึงแนวทางการจัดนิทรรศการที่ดีดังต่อไปนี้

1.เนื้อหาที่นำมาจัดนิทรรศการต้องตรงกับความสนใจและ
มีความหมายต่อการเรียนรู้ของผู้ชมกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มนอกจากนี้การ
จัดนิทรรศการแต่ละครั้งต้องมีวัตถุประสงค์ที่มีประโยชน์ต่อผู้ชมอย่างชัดเจน ไม่ควรจัดตามประเพณีนิยมหรือจัดเพื่อให้เสร็จสิ้นงบประมาณประจำปีเท่านั้น

2.เนื้อหาที่จัดแสดงในจุดหนึ่งๆควรมีจุดมุ่งหมายเดียวหรือแนวคิดเดียว แสดงออกถึงความมีเอกภาพทั้งด้านเนื้อหาความรู้ความคิดและองค์ประกอบทางกายภาพ
เช่นวัสดุอุปกรณ์การออกแบบสื่อทุกชนิดให้มีรูปแบบเดียวกันสอดคล้องกัน แต่หากมีหลายแนวคิดควรแบ่งพื้นที่ออกจากกันไม่ควรให้ปะปนกัน

3.ต้องตระหนักอยู่เสมอว่าการจัดนิทรรศการที่ดีต้องจัดให้ผู้ชมดู
มิใช่จัดให้อ่านเพราะการจัดให้มีตัวหนังสือมากเกินไปจะทำให้ผู้ชมเสียเวลาใน
การอ่านยิ่งไปกว่านั้นหากไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ตรงกับความสนใจจะทำให้ผู้ชมเบื่อได้ แต่ในกรณีที่ต้องการให้ผู้ชมได้รับความรู้จากการอ่านควรบรรจุเนื้อหาไว้ในสื่อ
สิ่งพิมพ์จำพวกแผ่นพับหรือใบปลิว

4.ตัวหนังสือที่ใช้ในการจัดนิทรรศการควรเป็นแบบเดียวกัน สวยงาม
เหมาะสมกับเนื้อหาอ่านง่ายสื่อความหมายดีข้อควรกะทัดรัดกระตุ้นความสนใจ
ยั่วยุหรือท้าทายความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชม ไม่ใช่เขียนสวยแต่อ่านยาก
หรืออ่านไม่ออก

5.การออกแบบควรมีลักษณะง่ายสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ยากให้ดูง่าย
ใช้เวลาในการทำความเข้าใจน้อยที่สุดอย่าให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกยุ่งเหยิงในการดูเป็น
อันขาดเนื่องจากผู้ชมมีหลายระดับแตกต่างกันจึงควรจัดรูปแบบให้น่าสนใจดูง่าย
สื่อความหมายดีและมีความหมายต่อการเรียนรู้ของผู้ชม

6. การจัดองค์ประกอบศิลป์ที่ดีจะช่วยกระตุ้นความสนใจและ
สื่อความหมายกับผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องของสีสามารถ
กระตุ้นความรู้สึกและส่งเสริมการเรียนรู้ได้โดยตรงดังนั้นจิตวิทยาในการใช้สี
จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการจัดนิทรรศการเป็นอย่างมาก

7.พึงระวังอย่างให้การจัดแสดงผลงานที่ใช้เวลาในการเตรียม
มานานกลายเป็นนิทรรศการ“ตาย”คือมีเฉพาะบอร์ดหรือป้ายนิเทศที่ติดตั้งเคียงคู่
กับวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่มีชีวิตชีวาไม่มีใครสนใจหรืออย่างมากก็เพียงผู้ชมเดินเข้า
มาดูๆแล้วผ่านไปอย่างไม่มีความหมายวิธีแก้ไขควรให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในกิจกรรม
โดยวิธีการต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลินแต่แฝงไปด้วยสาระความรู้

8.สื่อที่ใช้ในการจัดนิทรรศการควรมีหลายประเภททั้งสื่อภาพนิ่งสื่อสิ่งพิมพ์
สื่อ3มิติซึ่งอาจจะเป็นหุ่นจำลองของจริงสื่อที่มีการเคลื่อนไหวด้วยการหมุนการไหล การเคลื่อนที่ไปมาหรือการกระพริบของหลอดไฟจะช่วยเรียกร้องความสนใจได้เป็นอย่างดี

9.วัสดุที่นำมาสร้างสรรค์สื่อเพื่อนำเสนอในนิทรรศการควรมีคุณสมบัติ
สอดคล้องเป็นหมวดเดียวกับเนื้อหาและสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้ดูกลมกลืนมีเอกภาพ

10.สื่อหรือสิ่งของที่นำมาจัดแสดงหากไม่เป็นอันตรายต่อผู้ชม สื่อเหล่านั้นควรมีลักษณะเชิญชวนหรือยั่วยุให้ผู้ชมมีส่วนร่วม เช่น การเปิดการปิด การหยิบจับ การทดลอง การร่วมทายปัญหาหรือแสดงความคิดเห็นการแข่งขัน

11.สถานที่ในการจัดนิทรรศการควรมีลักษณะโดดเด่นโอ่โถง
ไม่ใช่มุมอับ ซอกมุมหรือบริเวณที่ถูกปิดบังด้วยสิ่งอื่น ๆ ซึ่งทำให้ยากแก่การมองเห็น
นอกจากนี้สถานที่จัดนิทรรศการไม่ควรอยู่ห่างจากชุมชนกลุ่มเป้าหมายมากจนเกินไป เพราะการเดินทางไกลอาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้าชมและเข้าร่วมกิจกรรม
นิทรรศการก็ได้

12.แสงและอากาศเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการจัดนิทรรศการ ผู้จัดต้องแน่ใจว่าการจัดนิทรรศการแต่ละครั้งมีแสงสว่างและอากาศดีเพียงพอ อาจจะเป็นแสงธรรมชาติหรือแสงจากหลอดไฟก็ได้เทคนิคการควบคุมแสงให้สว่างเฉพาะที่จะช่วยกระตุ้นอารมณ์และกระตุ้นความสนใจได้ดีเป็นพิเศษนอกจากนี้แสงยังช่วยโน้มน้าวให้เกิดบรรยากาศได้ตามจินตนาการของผู้จัดและนักออกแบบนิทรรศการได้เป็นอย่างดีด้วย

ความล้มเหลวของการจัดนิทรรศการ

ดังได้กล่าวมาแล้วว่านิทรรศการเป็นกิจกรรมที่รวมเอาสื่อ
หลายชนิดมาจัดแสดงพร้อมกับวัสดุสิ่งของอื่น ๆ และต้องใช้งบประมาณ
เวลา ความรู้ความสามารถของบุคลากรตลอดจนการประสานงานที่ดี ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอุปสรรคในการจัดนิทรรศการจึงควรตระหนัก
ถึงสาเหตุหลายประการที่ทำให้การจัดนิทรรศการประสบความล้มเหลวดังนี้

1.ขาดการวางแผนที่ดีการดำเนินงานทุกชนิดโดยเฉพาะงานที่มีองค์ประกอบ
เกี่ยวข้องหลายอย่างต้องอาศัยการประสานความร่วมมือกับบุคคลอื่นจำเป็นต้องมีการวางแผน
เป็นอย่างรอบคอบมองปัญหาทุกแง่มุมทั้งภาพกว้างและภาพลึกในรายละเอียด มิฉะนั้นจะนำมาซึ่งความยุ่งยากลำบอกให้เสียเวลาในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ซึ่งอาจเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

2.ขาดการประสานที่ดีระหว่างผู้บริหารหรือเจ้าของงานกับผู้ปฏิบัติงาน นับเป็นประเด็นปัญหาสำคัญในการจัดกิจกรรมนิทรรศการ โดยเฉพาะนิทรรศการ
ขนาดใหญ่ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายอย่างผู้บริหารหรือเจ้าของงานจำเป็นต้อง
มีการประสานงานกับบุคคลฝ่ายต่างๆอย่างเป็นระบบสามารถอำนวยความสะดวก
ในการปฏิบัติงานได้อย่างไม่ติดขัดส่วนผู้ปฏิบัติแต่ละฝ่ายต้องรับผิดชอบงานที่ได้
รับมอบหมายให้ลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของภาพรวมทั้งหมด
ของงานแต่ละครั้ง

3.มีเวลาในการเตรียมและการดำเนินงานน้อยเกินไป การจัดนิทรรศการแต่ละครั้งต้องในเวลาในการติดต่อประสานงานและการเตรียมสื่อ
หลายชนิดในการนำเสนอหลายรูปแบบยิ่งนิทรรศการขนาดใหญ่ยิ่งใช้สื่อทั้ง
วัสดุอุปกรณ์และกิจกรรมจำนวนมากสื่อแต่ละชนิดต้องอาศัยผู้ชำนาญการเฉพาะ
ทางในการออกแบบและวางแผนเพื่อการนำเสนอต้องใช้เวลามากพอสมควรในการ
เตรียมและซักซ้อมหรือทดลอง หากมีเวลาน้อยอาจทำให้ผิดพลาดและล้มเหลวได้

4.การจัดนิทรรศการไม่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย
การจัดนิทรรศการครั้งใดก็ตามหากการนำเสนอสื่อหรือเนื้อหาที่ไม่ตรงกับธรรมชาติ
ของผู้ชมไม่สอดคล้องกับหลักจิตวิทยาการรับรู้และเรียนรู้ของผู้ชมกลุ่มเป้าหมายแต่
ละวัยขาดการกระตุ้นให้เห็นประโยชน์และคุณค่าของสิ่งที่นำเสนอทำให้เสียเวลา
และสิ้นเปลืองงบประมาณไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

5.การจัดนิทรรศการไม่เหมาะกับเหตุการณ์หรือเทศกาล กิจกรรมนิทรรศการที่จัดขึ้นโดยไม่สัมพันธ์กับเหตุการณ์หรือเทศกาลในสังคมท้องถิ่น
จะทำให้ขาดความสนใจจากประชาชนหรือผู้ชมกลุ่มเป้าหมายดังนั้นในในขั้นการ
วางแผนจัดนิทรรศการควรคำนึงอยู่เสมอว่าเทศกาลต่างๆในท้องถิ่นคือโจทย์ปัญหา
ของสังคมที่ต้องการคำตอบหรือแนวคิดจากกิจกรรมนิทรรศการ

6.ขาดการออกแบบที่ดีสื่อต่างๆที่นำมาจัดแสดงโดยเฉพาะสินค้าหรือ
ผลิตภัณฑ์ต้องได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันสวยงามมีความหมายสัมพันธ์กับเนื้อหาสาระ
ของนิทรรศการสามารถกระตุ้นการรับรู้ของผู้ชมกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพหากสื่อ
หรือสิ่งของต่างๆที่นำเสนอในงานนิทรรศการไม่สวยงามขาดความประณีต ขาดความกลมกลืนของวัสดุกับเรื่องราวจะทำให้ผู้ชมขาดความสนใจไปด้วย


7.ขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดีการดำเนินกิจกรรมใดๆที่ต้องการให้บุคคลอื่นรับรู้
และให้ความร่วมมือจำเป็นต้องใช้การประชาสัมพันธ์เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่หรือบอกข่าว ซึ่งสามารถทำได้หลายรูปแบบทั้งล่วงหน้าและระหว่างการดำเนินงาน หากขาดการประชาสัมพันธ์จะทำให้ประชาชนหรือผู้ชมกลุ่มเป้าหมายขาดการรับรู้และ
ไม่มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมนิทรรศการครั้งนั้นไปด้วย

8.ขาดงบประมาณสนับสนุนการจัดนิทรรศการแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้
งบประมาณในการดำเนินงานซึ่งแต่ละครั้งแต่ละงานอาจมีค่าใช้จ่ายไม่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการเช่นบางงานมีเนื้อหาที่มีประโยชน์กับ
ชุมชนมากต้องนำเสนอด้วยสื่อวัสดุอุปกรณ์คุณภาพดีเป็นสื่อถาวรอาจมีการจัดซื้อ
จัดจ้างในราคาสูง แต่บางครั้งเป็นนิทรรศการชั่วคราวอาจใช้วัสดุสิ้นเปลืองราคา
ย่อมเยาได้

9.มีความบกพร่องทางเทคนิคบางประการ เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ
กระแสไฟฟ้า ขัดข้อง เครื่องอุปกรณ์ชำรุดขณะใช้งาน ตัวหนังสืออ่านยาก คำอธิบาย
เข้าใจยาก

10.สถานที่จัดอยู่ห่างไกลจากชุมชนกลุ่มเป้าหมายหรือการคมนาคมไม่สะดวก ความล้มเหลวในการจัดนิทรรศการบางครั้งเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดจากสาเหตุหลายประการ และที่สำคัญประการหนึ่งคือสถานที่จัดงานอยู่ห่างไกลจากชุมชนหรือผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย เว้นเสียแต่ว่าเนื้อหาสาระของนิทรรศการนั้นมีความสำคัญ มีคุณค่า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับการดำเนินชีวิตต่างๆ

บทสรุป

ขั้นตอนในการจัดนิทรรศการประกอบด้วยขั้นการวางแผน ขั้นปฏิบัติการ
ผลิตสื่อและติดตั้ง ขั้นการนำเสนอและขั้นประเมินผลขั้นการวางแผนควรจัด
ประชุมเพื่อตั้งวัตถุประสงค์ กำหนดกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาและกิจกรรม ระยะเวลา
สถานที่งบประมาณหน้าที่รับผิดชอบขั้นปฏิบัติการผลิตสื่อและติดตั้งประกอบด้วย
การออกแบบในนิทรรศการ การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การลงมือติดตั้งสื่อต่าง ๆ การควบคุมดูแลความปลอดภัยในขั้นการนำเสนอประกอบด้วย พิธีเปิดนิทรรศการ
การนำชมและดำเนินกิจกรรม การประชาสัมพันธ์ภายใน ส่วนขั้นประเมินผลประกอบ
ด้วย การประเมินภายในจากกลุ่มผู้จัดและการประเมินจากผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมาย
ทุกขั้นตอนของการจัดนิทรรศการ ควรคำนึงถึงแนวทางการจัดนิทรรศการที่ดี นอกจากนี้ยังควรป้องกันปัญหาอุปสรรคซึ่งมาจากสาเหตุหลายประการเพื่อไม่ให้
การจัดนิทรรศการล้มเหลว

บทที่ 6


บทที่ 6

เทคนิคการจัดนิทรรศการ

การจัดแผ่นป้าย
แผ่นป้าย (board) หมายถึง แผ่นหนังสือหรือแผ่นเครื่องหมายที่บอกให้รู้
เป็นวัสดุรองรับสื่อหรือเนื้อหาต่าง ๆ ที่นำมาจัดแสดงซึ่งมีหลายรูปแบบหลายลักษณะ
แตกต่างกัน มีทั้งรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง สี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวนอนซึ่งแตกต่างกันออกไปแล้วแต่วัตถุประสงค์ของผู้จัด

1. ประเภทของแผ่นป้าย
แผ่นป้ายมีหลายประเภททั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ต่างๆที่ใช้ในการพิจารณาเช่นการจำแนก
ตามวัสดุที่ใช้ทำ การจำแนกตามลักษณะการติดตั้ง การจำแนกตามลักษณะการใช้งาน
และการจำแนกตามลักษณะการจัดแสดง
1.1 การจำแนกตามวัสดุที่ใช้ทำ ได้แก่ ไม้ พลาสติก โลหะ
1.2 การจำแนกตามลักษณะการติดตั้ง การจำแนกตามลักษณะการติดตั้ง ได้แก่
ป้ายที่เคลื่อนที่ได้ และป้ายที่เคลื่อนที่ไม่ได้
1.3 การจำแนกตามลักษณะการใช้งาน การจำแนกตามลักษณะการใช้งาน
ได้แก่ แบบสำเร็จรูป และแบบถอดประกอบ
1.4 การจำแนกตามลักษณะการจัดแสดง การจำแนกตามลักษณะการจัดแสดง
ได้แก่ แบบตั้งแสดง แบบแขวน แบบติดฝาผนัง

2. เทคนิคการจัดแผ่นป้าย
การจัดวางแผ่นป้ายทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเนื้อหา
ทำเลที่ตั้งแสดง บริเวณและรูปแบบของแผ่นป้าย
2.1 แผ่นป้ายยึดติดกับขาตั้งอย่างถาวร
2.2 แผ่นป้ายอิสระ
2.3 แผ่นป้ายสามเหลี่ยมรูปตัวเอ
2.4 แผ่นป้ายแบบแขวน
2.5 แผ่นป้ายแบบโค้งงอรูปตัวเอส (S)
2.6 แผ่นป้ายแบบกำแพง
2.7 แผ่นป้ายสำหรับจัดร้านขายสินค้า
2.8 แผ่นป้ายตั้งแสดง
2.9 แผ่นป้ายผืนธง


การจัดป้ายนิเทศ
ป้ายนิเทศ (bulletin board) เป็นสื่ออย่างหนึ่งที่มีการกล่าวถึงกันมาก
ทั้งในวงการศึกษา วงการธุรกิจ วงการเมือง
กล่าวโดยสรุปว่าป้ายนิเทศเป็นสื่อทัศนวัสดุประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะ คือเป็นแผ่นป้ายที่ทำหน้าที่เสนอเนื้อหาเพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้ผู้ชม
ได้เรียนรู้ตามความเหมาะสมรูปแบบของป้ายนิเทศอาจเป็นป้ายสำเร็จรูปที่มีเนื้อหา
เขียนหรือพิมพ์ติดอยู่กับแผ่นป้ายโดยตรงสามารถนำไปจัดแสดงได้ทันที่ หรืออาจเป็นแผ่นป้ายว่างเปล่าเพื่อเป็นพื้นรองรับการติดตั้งเนื้อหาความรู้จากสื่อทัศนวัสดุอื่น เช่น รูปภาพ แผนภูมิ แผนภาพ แผนสถิติโปสเตอร์ บางครั้งแผ่นป้ายว่างเปล่าอาจถูกนำไปใช้เป็นป้ายประกาศ
ป้ายโฆษณา หรือป้ายประชาสัมพันธ์ก็ได้

1. คุณค่าของป้ายนิเทศ
ป้ายนิเทศเป็นสื่อที่มีคุณค่าหลายประการ เช่น เป็นสื่อเร้าความสนใจผู้ชมโดยใช้รูปภาพ
ข้อความ และสัญลักษณ์ที่สวยงามและมีความหมายต่อผู้ชม

2. หลักการและเทคนิคการจัดป้ายนิเทศ
การจัดป้ายนิเทศที่ดีมีเทคนิคและหลักการดังนี้
2.1 หลักการจัดป้ายนิเทศ
-การกระตุ้นความสนใจ
-การมีส่วนร่วม
-การตรึงความสนใจ
-ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบ
-การเน้น
-การใช้สี
2.2 เทคนิคการจัดป้ายนิเทศ การจัดป้ายนิเทศที่ดีมีคุณค่าในการสื่อความหมาย
ควรมีองค์ประกอบต่าง ๆ และเทคนิคดังต่อไปนี้
-ชื่อเรื่อง
-ข้อความเชิญชวนหรือคำอธิบาย
-การสร้างมิติเพื่อการรับรู้
-การใช้สี แสง เงา และบริเวณว่าง
-การเคลื่อนไหว
-การใช้รูปภาพ
-การจัดองค์ประกอบ
-การตกแต่งพื้นป้ายนิเทศ
-การจัดป้ายนิเทศร่วมกับสื่ออื่น
-การใช้เนื้อหาหรือกิจกรรมเป็นตัวกำหนด


3. การจัดป้ายนิเทศให้สอดคล้องกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์
การจัดป้ายนิเทศให้ประสบผลสำเร็จได้ดีต้องให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ดังนี้
3.1 การจัดภาพบนหน้าต่างหรือแบบวินโดว์
3.2 การจัดภาพแบบละครสัตว์ การจัดภาพแบบละครสัตว์ (circus)
3.3 การจัดภาพแบบแกน การจัดภาพแบบแกน (axial)
3.4 การจัดภาพแบบกรอบภาพ การจัดภาพแบบกรอบภาพ (frame)
3.5 การจัดภาพแบบตาราง การจัดภาพแบบตาราง (grid)
3.6 การจัดภาพแบบแถบ การจัดภาพแบบแถบ (band)
3.7 การจัดภาพแบบแกน การจัดภาพแบบแกน (path)

การกำหนดบริเวณว่างในนิทรรศการ
บริเวณว่างเป็นองค์ประกอบสำคัญในการจัดนิทรรศการ สามารถทำให้
นิทรรศการมีคุณค่าและประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้เป็นอย่างดีบริเวณ
ว่างจะเข้าไปเกี่ยวข้องและมีอิทธิพลต่อองค์ประกอบอื่นทำให้ผู้ชมเกิดความพึงพอ
ใจในประโยชน์ใช้สอยและความงามจากการออกแบบและการกำหนดบริเวณว่าง
ที่เหมาะสม ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงลักษณะและการออกแบบบริเวณว่างดังนี้

1. ลักษณะของบริเวณว่าง
บริเวณว่างมี2ลักษณะได้แก่บริเวณว่างที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์ (positive space)
และบริเวณว่างที่นอกเหนือจากการใช้สอย (negative space)

2. การออกแบบบริเวณว่าง
บริเวณว่างเป็นพื้นที่ที่สามารถออกแบบให้เกิดประโยชน์ได้หลายวิธีดังนี้
2.1 การจัดองค์ประกอบแนวตั้ง
2.2 การจัดองค์ประกอบระนาบแนวตั้ง
2.3 การจัดองค์ประกอบระนาบแนวตั้งรูปตัวแอล(L)
2.4 การจัดองค์ประกอบระนาบแนวตั้งขนานกัน
2.5 การจัดองค์ประกอบระนาบรูปตัวยู


3. การกำหนดบริเวณว่างในเชิงจิตวิทยา
การใช้บริเวณว่างในเชิงจิตวิทยาเพื่อการเชิญชวนลูกค้าหรือผู้ชมเข้าชมและร่วมกิจกรรมควรคำนึงถึงธรรมชาติของการปฏิสัมพันธ์และการแสดงออกของผู้ชมโดยเฉพาะลูกค้าใดๆ ทุกชนิด
ระหว่างทางสัญจรภายนอกกับบริเวณภายในนิทรรศการ ควรยึดหลักสำคัญคือการหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางใหม่หรือผู้ชมที่ยังไม่คุ้นเคยกับสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่การกำหนดทางเดินชมนิทรรศ
การการจัดตั้งป้ายนิเทศเป็นงานขั้นลงมือปฏิบัติในพื้นที่จริงซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนจากแบบบ้างเพื่อให้เหมาะกับสภาพพื้นที่จริงตำแหน่งและทิศทางการติดตั้งป้ายนิเทศควรสัมพันธ์กับทางเดินดังนั้นควรเลือกมุมที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและสะดวกในการเดินเข้าไปชมในระยะ
ใกล้ได้ต้องหลีกเลี่ยงมุมอับลึกแหลมหรือมุมแคบด้วยการจัดเสียใหม่ให้เป็นมุมป้านออก จะทำให้ผู้ชมสามารถชมได้อย่างทั่วถึง
1. การสัญจรทิศทางเดียวชมได้ด้านเดียว
2. การสัญจรทิศทางเดียวชมได้ 2 ด้าน
3. การสัญจรอย่างอิสระตามความต้องการ

บทสรุป

เนื้อหาของเทคนิคการจัดนิทรรศการกล่าวถึงการจัดวัสดุอุปกรณ์และสิ่งของต่างๆ ที่มีความสำคัญจำเป็นสำหรับการจัดนิทรรศการโดยทั่วไปได้แก่การจัดแผ่นป้าการจัดป้ายนิเทศ การกำหนดบริเวณในนิทรรศการและการกำหนดทางเดินชมนิทรรศการแผ่นป้ายมีหลายประเภท หลายรูปแบบ แต่ละแบบมีลักษณะและเทคนิคการจัดโดยเฉพาะเช่น แบบยึดติดกับขาตั้ง แบบอิสระ แบบสามเหลี่ยม แบบแขวน แบบโค้งงอแบบกำแพงแบบร้านขายสินค้าแผ่นป้ายตั้งแสดงและแผ่นป้ายผืนธง ป้ายที่ได้รับความนิยมใช้เป็นสื่อหลักที่สำคัญในการจัดแสดงหรือนิทรรศการทั่วไปได้แก่ ป้ายนิเทศ ซึ่งเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับความหมาย คุณค่าหลักการและเทคนิคการจัด ส่วนการกำหนดบริเวณว่าง ควรคำนึงถึงลักษณะของบริเวณว่างการออกแบบบริเวณว่างโดยการจัดองค์ประกอบแบบต่างๆบริเวณว่างในเชิงจิตวิทยาตลอดจนการกำหนดทางเดินชมนิทรรศการ เช่น ชมได้ด้านเดียว ชมได้สองด้าน และการสัญจรอย่างอิสระตามความต้องการ เป็นต้น

บทที่ 7


บทที่ 7

สื่อในการจัดนิทรรศการ

องค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมนิทรรศการได้รับการถ่ายทอดตรงตามวัตถุประสงค์ของการจัดนิทรรศการ คือ สื่อ ได้แก่ วัสดุอุปกรณ์และวิธีการใดๆ ก็ตามที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางหรือพาหนะในการสื่อความหมายถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจความรู้สึกนึกคิดและประสบการณ์จากแหล่งหนึ่งไปสู่อีกแหล่งหนึ่งเพื่อประโยชน์ในการสื่อสารซึ่งกันและกันสื่อที่ใช้ในนิทรรศการมีหลายชนิด ดังนั้นเพื่อให้การใช้สื่อในนิทรรศการเกิดประโยชน์สูงสุด ในบทนี้จึงนำเสนอประเภทของสื่อต่างๆที่ใช้ในนิทรรศการ

ประเภทของสื่อในการจัดนิทรรศการ
สื่อที่นำมาใช้มีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ สื่อวัสดุ สื่ออุปกรณ์ และ สื่อกิจกรม

1. สื่อวัสดุ
สื่อวัสดุ (materials) ได้แก่ สื่อขนาดเล็กๆมีขนาดเบา บางทีเรียกว่า ซอฟท์แวร์ คุณสมบัติของสื่อประเภทนี้มีทั้งชนิดถาวรและชนิดสิ้นเปลือง ตัวอย่างเช่น แผ่นปลิว แผนภูมิ แผนภาพ ภาพโปสเตอร์ เทปเสียง แผ่นซีดี เป็นต้น

2. สื่ออุปกรณ์
สื่ออุปกรณ์ (equipments) ได้แก่ สื่อใหญ่ หรือ สื่อหนัก บางทีเรียกว่าฮาร์ดแวร์ เป็นสื่อประเภทเครื่องหรืออุปกรณ์ สื่อเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวผ่านขยายสื่อวัสดุให้ผู้ชมนิทรรศการรับรู้และเรียนรู้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

3. สื่อกิจกรม
สื่อกิจกรม (activities) ได้แก่กระบวนการนำเสนอความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึกนึกคิดหรือข้อมูลต่างๆด้วยการกระทำเป็นขั้นตอนเน้นให้ผู้ชมนิทรรสการได้มีส่วนร่วมในการแสดงออกหรือลงมือกระทำด้วยตนเอง เช่น การสาธิต การทดลอง การแสดงละคร การตอบปัญหา การโต้วาที การแสดงบทบาทสมมุติ การสร้างสถานการณ์จำลองและการแสดงต่างๆ เป็นต้น

อาจารย์และพี่คนสวย

อาจารย์และพี่คนสวย

มาทำงาน

มาทำงาน
งานไม่ทำมาถ่ายรูปดีกว่า

เอกเทคโน

เอกเทคโน
สมาชิก

เอกคณิต

เอกคณิต
สมาชิก

เอกวิทย์

เอกวิทย์

ปฐมวัย

ปฐมวัย

ดึกแล้ว

ดึกแล้ว
ดึกแล้วยังจะติดอยู่อีก